สตม.รวบแฮกเกอร์เมียนมา ดูดข้อมูลบัตรเครดิตทั่วโลก หลายหมื่นใบ ผู้เสียหายทั้งไทย–ต่างชาติ
เมื่อ (วันที่ 27 สิงหาคม 2568) เวลา 14.00 น. ภายใต้อำนวยการของ
• พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ ผบช.สตม.
• พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.
• พล.ต.ต.ภานพ วรนัชชากุล ผบก.สส.สตม.
• พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.
• พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม.
• พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.
มอบหมายการปฏิบัติให้ชุดสืบสวน บก.สส.สตม. นำโดย พ.ต.ท.ภูริศ คำหมื่น, พ.ต.ต.โกเมน วรรณบวร, พ.ต.ต.กษิดิศ สันติปรีชาวัฒน์, ร.ต.อ.เอกวิน ชีวมงคล, ร.ต.อ.รณกฤต เกษสังข์ และ ร.ต.อ.นนทวัฒน์ สนแจ้ง เข้าทำการจับกุม
● การจับกุม
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ย่านถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ และสามารถจับกุม
นายกอง ขั่น (Mr. Khant สัญชาติเมียนมา อายุ 25 ปี
ของกลางที่ตรวจยึด
• โทรศัพท์มือถือ iPhone ที่ใช้กระทำผิด
• iPad ที่ใช้รับ–ส่งข้อมูลบัตรเครดิต
• ใบเสร็จการซื้อสินค้า โดยใช้บัตรเครดิตของผู้เสียหาย
ตรวจสอบพบข้อมูลบัตรเครดิตชาวไทยกว่า 1,000 ใบ และข้อมูลบัตรเครดิตชาวต่างชาติอีก หลายหมื่นใบ ครอบคลุมสหรัฐอเมริกา จีน ไต้หวัน แคนาดา มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินเดีย และอีกหลายประเทศ
● พฤติการณ์การกระทำผิด
คดีนี้เริ่มต้นจากกรณีผู้เสียหายชาวไทยถูกนำข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้สั่งซื้อ iPhone 15 ผ่านแอป “แมคโครโปร” โดยไม่ได้ทำรายการเอง ธนาคารกสิกรไทยจึงประสานมายัง สตม. ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบแหล่งกบดานของผู้ต้องหา เมื่อเข้าตรวจค้นพบของกลางและหลักฐานชัดเจน โทรศัพท์และ iPad ของผู้ต้องหามีการใช้งานแอป Telegram โดยเข้ากลุ่มแชร์ข้อมูลบัตรเครดิตจำนวนมาก ก่อนนำมาตรวจสอบสถานะและใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปประเทศเมียนมา ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้กระทำการในลักษณะนี้มานานเกือบ 1 ปี มีการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้อื่นสั่งซื้อสินค้ากว่า 200 รายการ แล้วขายต่อในเมียนมา เงินที่ได้ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารในเมียนมา
● ข้อกล่าวหา
“มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/6
การดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งประสานสมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ–ขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อไป
● มุมเชิงนโยบายและความสำคัญ
• คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cybercrime) ที่มีผลกระทบข้ามชาติ
• การจับกุมช่วยป้องกันความเสียหายมหาศาลทั้งต่อ ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางการเงิน ของประเทศ
• การประสานงานกับ สมาคมธนาคารไทยและสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นการเสริมสร้างมาตรการเชิงระบบ ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลบัตรเครดิตและสร้างกลไกป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์อย่างยั่งยืน
• สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มุ่งเน้นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการสร้าง “Digital Security” ให้กับสังคมไทย




Users Today : 540
Users Yesterday : 495
Total Users : 8995925
Total views : 41267548
Who's Online : 0